เวลาที่เราต้องการเที่ยวแนว advanture หรือเข้าป่าต้องเจออะไร ก่อนจะถึงที่หมาย ก็มาเจอขึ้นเขากันซะหน่อย ท่านต้องได้เจอแน่ๆไม่ต้องกลัวไป คนขับรถยนต์เกียร์กระปุกส่วนใหญ่ก็จะเซียนกันทั้งนั้น คงไม่ต้องคุยอะไรเยอะ แค่ลงเกียร์ต่ำเข้าไว้ทางชันพอดีๆ ก็เกียร์ 2 ทางชันมากหน่อยก็เกียร์ 1 ส่วนเกียร์ออโต้น่าจะง่ายขึ้นอีกนิด เพราะทางปกติเราก็ใช้เกียร์ D กันอยู่แล้ว ขึ้นชื่อว่าเกียร์ออโต้ ก็แปลว่า ระบบเค้าจะเปลี่ยนเกียร์ให้อัตโนมัติตามความแรง ความเร็วของรถ ดังนั้น เวลาที่เราต้องขับรถยนต์ขึ้นเขาเราก็ใช้เกียร์ D ปกติไป แต่หากดูเหมือนว่าทางขึ้นเขาจะลาดชันมากขึ้น รถเริ่มอืดมากเหมือนจะขึ้นไม่ไหว เหมือนรถเริ่มขาดแรง ก็ลงมาที่ -1 รถบางรุ่นอาจเป็น D1 เหยียบคันเร่งได้สบาย เหยียบไปเลย แต่ก็ต้องดูโค้งด้วยนะคะ ขึ้นเขา กับเข้าโค้ง เป็นของคู่กัน ขาดกันไม่ได้แน่นอน แต่ถ้าฝนตกถนนลื่นก็ต้องดูเรื่องการเหยียบคันเร่งด้วยนะคะ ไม่ใช่เหยียบซะมิดไม่ดูสภาพแวดล้อมข้างๆ เดี๋ยวแทนที่จะกลับรถขึ้นเขา จะกลายเป็น ขับรถไปพักยาวโดยไม่รู้ตัว ไม่คุ้มค่ากับชีวิตคุณแน่นอน
ช้า เร็ว ไม่ว่า ปลอดภัยไว้ก่อน ดีกว่านะคะ
การขับรถยนต์ลงเขา
เอาหละ ขึ้นเขาเที่ยวกันสนุกได้ไม่นาน ก็คงต้องลงเขากันซะที บางคนไม่อยากลงเขาเลย ทำไมหนะเหรอ ก็ไม่อยากเสียวไง กลัวจะแย่เวลาลงเขา วิงเวียนศรีษะ โอ้ยหน้ามืด ตาลาย บางคนกินยากันเลยทีเดียวเพื่อจะได้ไม่เห็นความหน้ากลัวเวลาลงเขา ไม่ต้องกลัวขึ้นเขาได้ ก็ต้องลงเขาได้เช่นกัน
การขับรถลงเขา ก็ต้องย้อนไปตอนสอบใบขับขี่อีกเหมือนกัน เจ้าหน้าที่จะสอนเลย ห้ามเหยียบคลัชท์ ห้ามใช้เกียร์ว่าง ห้ามดับเครื่อง เพราะการลงเขาแล้วใช้เกียร์ว่าง รถจะไม่มีแรงต้าน และจะทำให้รถมีความเร็วสูง จะไม่สามารถควบคุมรถขณะลงเขาได้ การลงเขาอาจต้องใช้การแตะเบรกช่วยเป็นระยะ แต่ห้ามแตะเบรกแช่ขณะลงเขาเด็ดขาดเพราะอาจเป็นสาเหตุทำให้เบรกไหม้ได้ อันตรายถึงชีวิตเชียวนะ อ้อและทำสำคัญอีกประการขณะขับรถลงเขา สัญญาณแตรเค้าให้มาก็ต้องใช้นะ ใช้สัญญาณแตรทุกช่วงที่ลงเขาเพื่อให้รถที่สวนทางมาได้รู้ว่ามีรถเราสวนทางมาเช่นกัน