เกียร์รถยนต์มี 2 แบบให้เลือก คือ เกียร์ออโต้ และ เกียร์ธรรมดา สำหรับเกียร์ธรรมดาแล้วจากผู้ใช้มากมายไม่ค่อยมีปัญหาสักเท่าไหร่ มีแต่ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเกียร์ออโต้ไม่ว่าจะเป็นเกียร์พัง เกิดอุบัติเหตุรถจากผู้ใช้เข้าเกียร์เดินหน้าหรือถอยหลังไว้ เรื่องราวเหล่านี้มีให้เห็นเกือบทุกวัน แต่คุณสามารถป้องกันและระมัดระวังไม่ให้มันเกิดขึ้นได้ ดังนี้
- ก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ควรเช็ดว่า เกียร์อยู่ตำแหน่ง P หรือไม่ ต้องอยู่ที่ตำแหน่ง P เท่านั้น ต้องสังเกตให้ดีๆว่า ว่าเกียร์ไม่ได้อยู่บริเวณกึ่งกลางระหว่าง P-R
- กรณีขับลงทางลาดชันควรใช้เกียร์หนักอย่างเช่น เกียร์ D2 หรือ D3 ห้ามใช้เกียร์ N หรือ D ลงลาดชันเด็ดขาด เพราะ นั้นอาจจะทำให้รถเบรกไม่ทันและอาจเกิดอุบัติเหตุ
- กรณีต้องลงรถไปชื้อของ เข้าห้องน้ำ ที่ใช้เวลาไม่นานไม่ควรเข้าเกียร์ N ควรเข้าเกียร์ P
- หากต้องการเปลี่ยนเกียร์จาก N ไป R หรือ D ควรเปลี่ยนขณะรถหยุดนิ่งสนิทเสียก่อน
- หากมีความจำต้องจอดรถที่ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาที ให้เข้าเกียร์ D ไม่ต้องเปลี่ยน ให้ใช้วิธีการแตะเบรกแทน
- ควรใช้เท้าข้างเดียวในการเหยียบคันเร่งและเหยียบเบรก
- ขณะรถวิ่งอยู่ไม่ควรเปลี่ยนมาจากเกียร์ D มาเป็นเกียร์ N ทันทีเลย
- ไม่ควรลากเกียร์ เนื่องจากระบบเกียร์ออโต้จะมีการทดเกียร์ให้คุณอย่างอัจฉริยะอยู่แล้ว
- ไม่ขับแบบเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำบ่อยๆ เรียกการทำแบบนี้ว่า คิกดาวน์ หากทำบ่อยเกินจะเกิดปัญหาผ้าคลัทช์ทำงานหนักและสึกหรอเร็วยิ่งขึ้น ควรทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้นอย่างเช่น เร่งแซงรถ เป็นต้น หมั่นตรวจสอบน้ำมันเกียร์อย่างสม่ำเสมอ
ปัจจุบันคนออกรถยนต์ใหม่ส่วนใหญ่จะเลือกซื้อรถยนต์ที่เป็นระบบเกียร์อัตโนมัติหรือเกียร์ออโต้ แต่ข่าวที่ออกมาส่วนใหญ่ก็จะพบว่า รถเกียร์ออโต้ เกียร์ค้าง รถพุ่ง เข้าเกียร์ผิด หลัก ๆ แล้วเกียร์ออโต้ส่วนใหญ่จะมีแค่ 5 เกียร์เท่านั้น ในการใช้รถเกียร์ออโต้โดยปกติจะใช้ เกียร์ N D R ซะเป็นส่วนใหญ่ ในการเปลี่ยนเกียร์ไปแต่ละตำแหน่งต้องไม่ลืมที่จะเหยียบเบรคทุกครั้ง เพราะกันรถกระชากหรือพุ่งได้
